ขอบคุณเพื่อน ผู้ที่ชี้ทางตาสว่างให้ (ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจแล้วล่ะ) และขอโทษจริงๆนะ เราลำบากใจจริงๆ
ขอบคุณ Sunny ที่ยังโทรกลับมาหาเรา ไม่งั้นเราได้อกแตกตายจริงๆนั้นล่ะ กวนซะข้ามวันกันเลย
ออม ฉันโทรหาแกหลายครั้งมากๆๆๆๆ แต่สงสัยแกนอนไปแล้ว แกไม่ใช่คนที่ที่อัดอั้นเลย เกือบอัดอั้นตาย โชคดีได้ซันนี่มาช่วยไว้ทัน 55+
ขอบคุณบทเรียนครั้งนี้ที่ทำให้รู้จักคำว่า "เปลือก" และคำว่า "หลอกใช้"
ฝากพวกคุณที่ได้อ่านว่า "ควรให้ความจริงใจก่อน แล้วท่านจะได้ความจริงใจกลับมา อย่าเอาความจริงใจของใคร ไปเป็นเครื่องมือ หากคุณต้องการความช่วยเหลือจงบอก สิ่งนั้นที่แท้จริงไป
เพราะคนที่ช่วยคุณจะได้ไม่รู้แย่ด้วยเหตุผลนานาประการ เพราะเค้าต้องการช่วยคุณจริงๆ ไม่งั้นการโกหกของคุณก็จะทำลายความรู้สึกไว้ใจของคนที่รู้สึกดีๆกับคุณไปคนหนึ่งเลยทีเดียว"
เหตุการณ์ วันที่ 30 มีนาคม 2551 เวลา 5ทุ่มกว่า ข้อความ blog เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 เวลา 9.30-10.50น.
31 March 2008
เมื่อ"เปลือก"หลุดลอก
อืม... วันนี้เพิ่งคุย MSN กับเพื่อนคนหนึ่งมาแต่ก็ได้ถามสิ่งที่ค้าคางใจเสียที ในที่สุดก็เคลียร์และสิ่งที่เราได้รับรู้วันนี้นั้นมันเป็นไปอย่างที่เราคาดไว้จริงๆ ถึงว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงแต่มันก็ทำให้เราทั้งรู้แย่(ไม่ได้เสียความรู้สึกนะ เพราะไม่ใช่คน...สำคัญ)และก็รู้สึกลำบากใจมากพอๆกันล่ะนะ ถามว่าทำไมถึงรู้สึกแย่หรือ เหอะๆ ก็ถ้าเป็นคุณล่ะ มีคนๆนึงมาขอช่วยให้ทำอะไรสักอย่างโดยอ้างว่าเดือดร้อน ใช่ คำนี้ทำให้เรารู้สึกโง่ขึ้นมาถนัด ไม่ได้แย่ไปกว่าการที่เรา "อยากช่วย" หรอก เราจริงใจที่จะช่วย แม้เราไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เค้าเล่ามาหรอกนะ แต่ทำยังไงได้ เราคิดเสมอว่าเค้าเป็นเพื่อนที่ดีกับเราน่ะ เพื่อนกัน "มีอะไรก็ต้องช่วยกัน"จริงไม๊? เราไม่ขอเล่ารายละเอียดว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร แต่อยากจะระบายความรู้สึกที่เรารู้ความจริงทั้งหมดแล้วมันทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราคิดไว้มันไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยเท่านั้นเอง (จริงๆก็รู้สึกว่ามีลางบอกเหตุอยู่เหมือนกัน แต่ดันไม่เชื่อซะนี่)
อืม ยอมรับเลยครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า การคบคนนั้น บางทีเราคิดว่าเวลาแค่นี้ก็พอจะพิสูจน์ได้นะว่าเค้าเป็นคนอย่างไร แต่ลืมอะไรบางอย่าง
"เปลือก" ไงล่ะ เพราะเราให้เค้าในบุคลิกการวางตัวดีมีในสังคมทั่วไป จนเราไม่คิดว่าเค้าจะโกหก สร้างเรื่อง ขึ้นมาเพื่อให้ได้สิ่งที่เค้าต้องการเพื่อที่จะได้รู้จักเพื่อนของเรา จะพูดไงดีล่ะ มันเหมือนกับเค้าคิดว่าเราโง่งั้นหรือ แต่จริงๆเราไม่ได้ไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนั้นหรอก แม้เราจะรู้สึกว่าเรื่องที่เค้าเล่าให้เราฟังนั้นมันจะรู้สึกแปลกๆ แต่เราก็ช่วย ถามว่าทำไมหรอ อืม ยังไงล่ะ เพื่อนช่วยเพื่อนนี่นะ ก็แสดงว่าเรามีความจริงใจให้ไงแต่เค้ากับใช้ความจริงใจเป็นเครื่องมือเพื่อให้เค้าสมหวัง เราไม่คิดว่าเค้าจะเป็นผู้หญิงที่มีความพยายามในเรื่องอย่างงี้ ขนาดนี้ เพราะเค้าจัดเป็นคนหน้าตาดีนี่นะ ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย (เพราะถ้าไม่ใช่ของๆเรา ยังไงก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำล่ะนะ) การโกหกเราเกลียดที่สุด หากมีเหตุการณ์อย่างงี้แล้วมาขอช่วยเราของเธอคนนั้นหรือเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนของเรา เราจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว อันนี้เราขอซื้อความสบายใจดีกว่า แค่นี้ เราก็ลำบากใจกับเพื่อนเรามากพอแล้ว เพื่อนเอ๋ย เราขอโทษว่ะ เราไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นจริงอย่างที่เราคิด เราไม่คิดว่าเธอคนนั้นจะลงทุนถึงขั้นนี้นะ ขอบใจที่ทำให้เราตาสว่างขึ้นมาซะที (มัวแต่หลอกตัวเองไปวันๆว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น)เราอยากบอกให้รู้ว่า เราลำบากใจจริงๆนะ แม้เพื่อนจะบอกว่า ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก แต่เราก็ยังรู้สึกอยู่ดีล่ะ เราไม่ได้ตั้งใจให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยนะ เราเลยกลายเป็นแม่สื่อโดยไม่รู้ตัวไปเลย บางทีสิ่งที่เราเล่าบางอย่างมันยากที่จะเชื่อว่าเราไม่รู้เรื่อง แต่ก็ขอให้รู้ไว้ว่า เพราะในความจริงใจและความไว้ใจที่มีต่อเธอคนนั้น เราเลยขอเชื่อเค้า เลยกลายว่าเราเป็นสะพานที่ทอดไปถึงสิ่งที่เค้าตั้งใจและหวังไว้จนได้ (พูดแล้ว พูดอีกก็เซ็ง ) ขอพูดอีกครั้ง ถึงแม้จะบอกว่าสบายใจได้ แต่เรา "ขอโทษ" จริงๆ ถ้าเพื่อนด่าว่าเรา เราอาจจะสบายใจกว่านี้ก็ได้นะ แต่เพราะว่าเพื่อนไม่ว่าอะไรเลย (ทั้งที่เราก็มีส่วนทำให้เรื่องเกิดขึ้น)
เรื่องนี้ทำให้เรารู้เลยว่าการจะรู้จักใครในตัวตนของเค้าจริงๆนั้นดูแต่ภายนอกไม่ได้ ไม่มีทางหรอกถ้าไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดพอที่เค้าจะเผยธาตุแท้ออกมาแม้จะคบเค้าด้วยใจ แต่เค้าอาจจะไม่ใจตอบกลับมาก็ได้นะ (คิดว่าคนบางคนก็เคยเจออย่างเราเหมือนกันใช่ไม๊ และรู้เหมือนกันไม่บ้างก็น้อยล่ะนะ)
เค้าว่ากันว่าการโกหกนั้นมีอยู่สองใหญ่แบบตามแบบของฝรั่ง คือ การโกหกเพื่อการปิดบังความจริงอันเกิดจากการกระทำผิด และการปิดบังความจริงเพื่อให้คนอีกคนสบายใจ ง่ายๆก็คือ White lie นั้นล่ะ (อยากอ่านเรื่องโกหกๆ Links: http://en.wikipedia.org/wiki/Lie ) คนไทยคงไม่มีอย่างงี้เพราะจะผิดศีลข้อ4 มุสาวาทาได้นะ ฉะนั้นไม่ควรทำนะมันบาป เราไม่เถียงว่าบางทีการโกหกนั้นก็จำเป็นอยู่ไม่ใช่น้อยในสถานการณ์บางครั้ง แต่ควรจะหลีกเลี่ยงสิ่งนี้เพราะมันจะทำให้คุณดูเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจ แต่สำหรับเรา ความไว้ใจต่อเธอคนนี้ หมดแล้ว ไม่มีเหลือในเรื่องนี้ อืม เราไม่ใช่ว่าไม่ให้โอกาสคิดทบทวนดูแล้วเค้าใช้ความไว้ใจ จริงใจของเราไปเพื่อเป็นสะพานไปหลายครั้งมาก (ซึ่งเราก็ยังโง่ทำให้เพราะความหน้ามืดตามัวหรือไงก็ไม่รู้ จนเพิ่งตาสว่างแน่ใจนี่ล่ะ)ถ้าเธอคนนั้นมาขอช่วยเราแล้วบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาเลย จะทำให้เรารู้สึกดีกว่านี้เยอะ สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องแสดงตัวว่าเป็นกุลสตรีไทยใจงามแล้วล่ะ (แม้ภาพลักษณ์จะเป็นอย่างงั้นล่ะนะ)
หากเธอคนนั้นบังเอิญได้อ่านข้อความทั้งหมดนี้ ขอให้รู้ว่าสิ่งที่คุณทำนั้นทำให้เรารู้สึกแบบนี้ เราไม่ต้องการคำขอโทษ คำอ้างใดๆอีกแล้ว ขออย่างเดียวไม่ต้องพูดกับเราอีกเรื่องนี้ อย่ามาเซ้าซี้ (เพราะความรู้สึกเราแปรปรวนง่าย...อาจจะไปในทางที่ไม่ดีเลยก็ได้) เพราะสิ่งเหล่านั้นเราไม่ต้องการ แต่ที่ลง blog เราอยากให้มีคนรับรู้ความรู้สึกเราบ้างเท่านั้น เราต้องการแค่นี้จริงๆ
23 March 2008
ทะเลกระบี่ ทะเลบ้านเรา (",)
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไปเที่ยวทะเลมาล่ะ ไม่ได้ไปทะเลมานานมากแล้ว (ทั้งที่เป็นบ้านตัวเองนะนี่) แต่ว่านะ ค่าเรือแพงมาก (จริงๆมันไม่แพงหรอก แต่ไปกันแค่ 4 คนตกลงทริปนี้หารกันออกคนละ 850 บาท ทำไมมันแพงบรรลัยขนาดนี้)สมาชิกก็มี เรา แพนด้า ตู่ เพื่อนตู่ชื่อฐา อืม เป็นคนฮาดีน่ะนี่ อ่อ blog นี้แว่บเอารูปที่ถ่ายมาจากห้องสมุดของภูเก็ตมาให้ดูด้วย (ชอบห้องสมุดเค้ามากเลย นิยายเยอะ ถ้าที่บ้านมีแบบนี้จะไปอยู่ทั้งวันเลยอ่ะ)

อืม ที่ไปมาก็คือเกาะห้อง (สวยจริงๆนะนี่ น้ำเขียวได้ใจจีจี จริงๆ) ก็ไปพายเรือ Ka-yak สนุกจริงๆ ไปนะ พายมันตอนแดดตอนเที่ยง (คิดดูนะ แดดตอนเที่ยง สุดยอดแห่งความ Hotเลยอ่ะ)พายไปดูเกาะ Lagoon1 และ Lagoon2 จากนั้นก็พายไปทางเข้าห้อง (เค้าเรียกว่าห้องอ่ะ มันมีเกาะล้อมรอบ น้ำเขียวใสสุดยอดมาก) พอตะโกนจะได้ยินเสียงเอคโค่โดย โอ้ว มันเยี่ยมจริงๆนะจอร์จ (ใครจะมาก็บอกกันก่อนได้นะค้าบ)

นั่งกันท่ามกลางธรรมชาติกันอยู่สักพัก ก็ถึงเวลาต้องพายกลับแล้ว (เพราะมันใกล้จะหมดเวลาแล้ว อ่อ ค่าเช่าเรือลำล่ะ 300 แต่พี่เจ้าหน้าที่ใจดีลดให้เหลือ 250 เย้ๆ)ตอนพายไปเนี่ยก็ยังไม่เท่าไร แต่ตอนพายกลับเนี่ยทำไมมันรู้สึกว่าไกลจังวะ (เหนื่อยแต่คุ้มนะ เพื่อนๆ แต่ตอนนี้ปวดขา แขน ท้องหมดแล้วเนี่ย ไม่ค่อยได้ออกกำลังอ่ะจิ ฮ้า)
กลับเข้าถึงฝั่ง ก็ไปเกาะผักเบี้ยกันก่อน (อันนี้หาดไม่ค่อยสวยเท่าไร น้ำมันไม่เขียวอ่ะ แง่วๆ)แวะถ่ายรูปนิดหน่อย (อ่อ เราใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ก็กินข้าวกันบนเรืออ่ะคร้าบบบบ)
เกาะต่อไปที่เราไปกัน (กะจะไปดำสน๊อคเกิ้ลกันที่เกาะนี่ล่ะ) ก็คือเกาะพาราไดซ์ แต่ตกลงก็ไม่ได้ดำน้ำก็มันไม่มี สน๊อคเกิ้ลให้เช่า
(สงสัยคราวนี้ต้องไปซื้อเป็นของตัวเองซะแล้ว อิอิ)ก็แค่ไปลอยคอเล่นน้ำกันเฉย เกาะนี้ก็สวยมาก น้ำสีเขียวสะใจจริงๆ (น้ำลึกมากที่เดียว) จะดีกว่านี้มากเลยถ้าเอาขนมปังติดมือไป เพราะปลาลายเสือเป็นฝูงเลย น่ารักซะจริงๆเล่นน้ำกันจนพอใจก็เดินทางกลับ (พร้อมความดำของผิว ฮือๆ ยิ่งขาวยากมากๆๆอยู่นะเนี่ย)
กลับมาวันนั้นเหนื่อยมากขับรถไม่ไหวต้องให้แม่ขับแทน อะจึ๋ยๆ
คราวหน้าไปเที่ยวไหนจะมาเล่ากันอีกนะ ใครที่ฝึกงานเราเอาใจช่วย เพื่อนๆใครอยู่บ้านมาชวนไปเที่ยวกันบ้างเน้อ มันเบื่อเหมือนกันนะนี่ (แต่การอ่านหนังสือเรียนก็น่าเบื่อกว่าอยู่ดี)
ใครแวบมาเยี่ยมก็ Comment กันหน่อยนะคะ ข้างล่างนี้ล่ะ(เจ้าบ้านจะได้ชื่นใจ)มีคนบ่นหลายคนเหมือนกันว่าเม้นท์ไม่เป็นบ้าง หาที่เม้นท์ไม่เจอบ้าง จบข้อความนี้แล้วมันจะมีคำว่า comment ก็คลิ๊กเข้าไปพิมพ์ข้อความเลือก nickname ใส่ชื่อนะคะ แล้วก็กดส่งได้เลยค่า ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมกันเน้อ ^___^
อยากแวะไปดูรูปเพิ่มเติมเข้านี่เลย http://ajisai13.multiply.com คร้าบผม
Labels:
beach,
Koh Hong,
Koh Paradise,
Krabi,
Sea,
กระบี่,
เกาะ,
เกาะพาราไดซ์,
เกาะห้อง,
ทะเล
01 March 2008
Happy My Summer Holiday (จบปีสามแล้วโว้ย)
เห็น Topic ก็หัวข้อนี้ก็น่าจะรู้กันแล้วนะว่า จีจี ผ่านมรสุมการสอย(มหาโหดร้ายกาจอย่างไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต Y_Y)เอาเป็นว่าเรื่องนั้นหยุดพูดไปเหอะนะ แฮ่ๆ มีหลายคนเรียกร้อง (หรือเปล่า) ไม่มีคนเรียกร้องก็ได้เอ้า แต่เห็นใยแมงมุมเต็ม blog ไปหมดแล้ว เนื่องจากเจ้าของต้องไปทำหน้าที่ส่วนตัว(อ่านหนังสือสอบ)และส่วนรวม(งานกลุ่ม) จนรู้สึกได้ว่าถ้ายังไม่ Up เนี่ยสงสัยจะไม่มีใครเข้ามาดูแล้ว (คือแค่นี้ก็ไม่ค่อยมีเข้ามาอยู่แล้วล่ะ พูดแล้วเศร้า ฮือๆ)
เพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อวันที่ 28 แต่ก่ิอนหน้านั้นก็มีเรื่องโมโหว่ะมีหมาบ้ามันมาหาเรื่อง (ก่อนไปสอบเลยเนี่ย) แม่ง จะเข้าไปต่อยหน้าแล้ว ถ้าสติขาดแกหน้าเยินไปแล้วอ่ะ (พูดแล้วเหี้ยเจงๆนะเนี่ย) สิ้นคิด (คราวหลังกูเอาคืนแน่) คนเราเกลียดกันอย่ายุ่งกันดีกว่า ก็คงมีแต่คนโรคจิตเท่านั้นล่ะที่ชอบไปตอแยคนที่เกลียด ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วเหนือกว่าคนอื่น บอกได้เลยว่า มึงไม่มีสมองคิดรึไงฟะ กูอยู่เฉยๆ ไม่มีเรื่องกัน ไม่ชอบ อยากมีเรื่อง โรคจิต ซาดิสม์นะมึงเนี่ย คราวหน้าเหอะมึงได้เห็นฤทธิ์กูแน่ๆอ่ะ บ่นให้ฟังเฉยๆ คนอาจจะงง บางคนอาจจะรู้แล้ว เรื่องไม่จรรโลงใจเลย เลิกพูดดีกว่าเนอะ
เอ่อ คุณออมชวนไป Central หลังสอบก็ไปกัน ปรากฏว่าเจอเพื่อนชั้นปีมากมาย เหอๆ (แหล่งชุมนุมเภสัชรึไง) จากนั้นเราก็ไปกินข้าวร้าน "ปากหมา" กัน (เอ่อ สมาชิกมีเรา ออม นิ้ง) จากนั้นไปต่อที่ EP ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย
---วันนี้ วันที่ 29--- มีประชุม New Drug ได้ยารักษาไมเกรน แต่บอกชื่ออาจารย์กะพี่เมทไป พี่มดบอกว่าอาจารย์ใจดีมากเลย เป็นบุญโครตนะเนี่ย(เลยรู้สึกดีมากๆ) อ่อ จากนั้นตอนเย็นไปทำผมมา นานมาก (กูจะไม่ทำอีกแล้ว แงๆ) จากนั้นไปกินข้าวร้านโอม เบเกอรี่ งืม แล้วก็กลับหอเลย (ตอนนี้ยังรู้สึกแปลกอยู่เลยเนี่ย)
ใครที่หลงเข้ามา ลงชื่อไว้สักนิด ทักทายกันหน่อยที่ Comment นะจ๊ะ เจ้าของบ้านจะได้ชื่นใจ ^o^ รักทุกคนจ้า อิอิใครที่ยังสอบอยู่ก็ขอให้ Get A ตั้งใจอ่านหนังสือนะคับ ส่วนคนที่สอบเสร็จแล้วก็ Happy Holiday จ้า ไปเที่ยวก็มาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะจะชวนเที่ยวไหนแวะมาชวนเจ้าของ blog ได้น้า เจ้าของblog ว่าง 3 เดือนเลยทีเดียว ^^
Subscribe to:
Posts (Atom)